Creditbank Credit card bank Visa

.

2552/11/18

ข้อควรพิจารณาในการเลือกถือบัตรเครดิต

ข้อควรพิจารณาในการเลือกถือบัตรเครดิต
1. ทางเลือกในการใช้จ่ายแทนเงินสด
- สะดวกและปลอดภัยกว่าการถือเงินสด
- ไม่ต้องชำระเงินหลังการซื้อสินค้าหรือบริการทันที
- ได้รับส่วนลดและสิทธิประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิต

2. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิต
บัตรเครดิตมีหลายชนิด เช่น บัตรองค์กร (Corporate Card) บัตรเงิน บัตรทอง บัตรเครดิตที่ออกโดยห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า และคุณสมบัติของผู้สมัครตามที่ผู้ออกบัตรกำหนดไว้ โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิต มีรายการต่าง ๆ ดังนี้
- ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าบริการรายปี
- ค่าธรรมเนียมในการชำระเงิน ณ จุดชำระเงินต่าง ๆ เช่น เคาน์เตอร์ธนาคาร ตัวแทนรับชำระเงิน หรือชำระผ่านตู้ ATM เป็นต้น
- อัตราดอกเบี้ยและค่าปรับจากการชำระล่าช้า
แม้ว่าบัตรเครดิตจะมีระยะเวลาชำระหนี้ปลอดดอกเบี้ย แต่ผู้ถือบัตรจะต้องเสียดอกเบี้ย หากไม่สามารถชำระหนี้เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระเงิน โดยผู้ออกบัตรไม่ได้คำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ผู้ถือบัตรผิดนัดชำระหนี้ แต่อาจคำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ผู้ถือบัตรใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าหรือบริการ หรือตั้งแต่วันที่ผู้ออกบัตรจ่ายเงินค่าสินค้าหรือบริการให้ร้านค้า ซึ่งเป็นเวลา 2-3 วันนับจากวันที่ผู้ถือบัตรใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าหรือบริการ
นอกจากนี้ พึงระวังโฆษณาที่ระบุว่า “ดอกเบี้ยต่อเดือนที่น้อยนิด” หรือ “ดอกเบี้ย 0%” โดยควรพิจารณาว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นอัตราต่อเดือนหรือไม่ ถ้าใช่ ลองคูณด้วย 12 ก่อน จึงจะเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปีที่ท่านต้องจ่ายจริง
- ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการชำระล่าช้าเช่น ค่าธรรมเนียมในการติดตามทวงถามหนี้
- ในกรณีใช้บัตรเครดิตเบิกเงินสด นอกจากจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเบิกเงินสดแล้ว ยังต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้ยืมโดยเริ่มคำนวณตั้งแต่กดเงินสดอีกด้วย

ท่านควรเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายข้างต้น ควบคู่ไปกับนิสัยการใช้จ่ายและความสามารถในการชำระหนี้ด้วย เช่น หากท่านเลือกที่จะจ่ายชำระหนี้เต็มจำนวน ควรเลือกถือบัตรเครดิตที่เก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าบริการรายปีต่ำ หรือไม่เรียกเก็บ แต่หากท่านต้องการจ่ายชำระหนี้เพียงบางส่วน ควรเลือกถือบัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้ ควรเลือกบัตรเครดิตที่สะดวกในการชำระเงิน เช่น สามารถหักบัญชีธนาคารได้ หรือ มีจุดรับชำระเงินใกล้บ้านหรือที่ทำงาน และมีค่าใช่จ่ายในการชำระเงินต่ำ โดยท่านสามารถดูข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการใช้บัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยของผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตแต่ละรายได้จากหน้าอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการใช้บัตรเครดิต

ผู้ออกบัตรเครดิตจะพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัครอย่างไร
1. ข้อมูลส่วนตัว ความน่าเชื่อถือของผู้สมัครบัตรเครดิต ประวัติการใช้บริการสินเชื่อ ประวัติการชำระเงินคืน วินัยในการใช้สินเชื่อ การมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ประวัติการทำงานปัจจุบัน และบุคคลอ้างอิง เป็นต้น

2. ความสามารถในการชำระหนี้ ผู้สมัครมีรายได้ตามเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด และมีความสามารถในการชำระหนี้ โดยดูจากฐานะทางการเงิน( เช่น ทรัพย์สิน เงินออม หรือเงินลงทุนต่าง ๆ ซึ่งสามารถนำมาใช้ชำระหนี้หากไม่มีรายได้ประจำ เป็นต้น) เงินเดือนหรือรายได้ประจำ และ ภาระหนี้ เป็นต้น

ข้อควรพิจารณาก่อนใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต
1. ควรเตรียมเงินส่วนที่จัดไว้สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้เพียงพอเมื่อครบกำหนดชำระ

2. ควรพิจารณาว่าสินค้าหรือบริการที่จะซื้อนั้นมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด เพื่อไม่ให้มีภาระต้องชำระหนี้มากเกินความสามารถ

3. ควรพิจารณาว่ากระแสเงินในอนาคตจะเป็นไปตามที่คาดไว้หรือไม่ เพราะหากมีเงินชำระไม่เพียงพอ ต้องใช้วิธีชำระเงินบางส่วน ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ย และหากชำระไม่ทันในเวลาที่กำหนด ต้องเสียค่าปรับในการชำระหนี้ล่าช้าด้วย

4. หากท่านมีบัตรเครดิตหลายใบ ควรจดบันทึกหมายเลขบัตรเครดิต วงเงินสินเชื่อ ภาระหนี้ที่มีอยู่ และวันครบกำหนดชำระเงิน ฯลฯ ให้ครบถ้วน เพื่อวางแผนการใช้บัตรเครดิตและการชำระหนี้ให้ตรงเวลา

ควรทำอย่างไรเมื่อไม่สามารถชำระหนี้บัตรเครดิต
หากเริ่มจะมีปัญหาหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการจัดการหนี้ ควรเริ่มแก้ปัญหาดังนี้

1. เมื่อพบว่ามีแนวโน้มไม่สามารถชำระหนี้ได้ ควรทบทวนค่าใช้จ่ายที่ผ่านมาว่ามีค่าสินค้าหรือบริการใดมากเกินความจำเป็นหรือไม่ หากพบค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ก็ควรทบทวนและพิจารณาลดการใช้จ่ายดังกล่าวลง โดยใช้จ่ายอย่างมีสติ ต้องเตือนตนเองเสมอ ๆ ว่ากำลังนำรายได้ในอนาคตมาใช้ และเพื่อความไม่ประมาท ก็ควรพิจารณาสำรองเงินไว้ส่วนหนึ่งไว้ใช้สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดไว้อีกทางหนึ่งด้วย

2. หากต้องการโอนหนี้บัตรเครดิตเพื่อลดภาระการจ่ายดอกเบี้ย สิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องพิจารณา คือ โอนหนี้ไปที่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดและมีข้อเสนอที่ดีกว่า เช่น ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการโอน มีระยะเวลาปลอดหนี้ และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ และเมื่อโอนหนี้บัตรเครดิตและมีภาระดอกเบี้ยลดลงแล้ว ก็ควรมุ่งมั่นชำระหนี้ให้ได้มากที่สุด

3. ไม่ควรใช้บัตรเครดิตเบิกเงินสดเพื่อนำไปชำระหนี้ เพราะนอกจากต้องเสียค่าธรรมเนียมการเบิกใช้เงินสดแล้ว ยังต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะสูงกว่าดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่เดิมด้วย

4. เมื่อลูกหนี้บัตรเครดิตไม่สามารถชำระหนี้ได้หรือมีความสามารถในการชำระหนี้ไม่เพียงพอ ไม่ควรหนีปัญหา ควรติดต่อผู้ให้บริการบัตรเครดิตนั้น เพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือในการจัดการหนี้ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้

การร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต
ธปท. กำหนดเรื่องการปฏิบัติเมื่อมีข้อร้องเรียนว่า ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตจะต้องตรวจสอบเมื่อผู้ถือบัตรร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต และแจ้งความคืบหน้ารวมทั้งชี้แจงขั้นตอนต่อไปให้ผู้ถือบัตรทราบภายใน 7 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งการร้องเรียน และให้ดำเนินการแก้ไขข้อร้องเรียนนั้นให้แล้วเสร็จและแจ้งให้ผู้ถือบัตรนั้นทราบโดยเร็ว

ขอ้มูล : http://www.bot.or.th/Thai/FinancialInstitutions/PopularConner/FIservice/Pages/CrCard.aspx

ไม่มีความคิดเห็น: