Creditbank Credit card bank Visa

.

2552/11/18

เลือกบัตรเครดิตให้เป็น ตอนที่1 และ ตอนที่ 2

เลือกบัตรเครดิตให้เป็น ตอนที่1
บัตรเครดิตอาจจะเป็นเครื่องมือในการ 'ใช้เงิน' ที่ให้ความสะดวกสูง แต่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินชนิดนี้ ก็มีคุณสมบัติพิเศษในการ 'ก่อหนี้' (ที่ไม่มีเหตุผล) ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

มาดูกันว่า ในยุคที่บัตรเครดิต และสินเชื่ฟอบุคคลเกลื่อนเมืองแบบนี้ เราจะใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ได้อย่าง 'ฉลาดๆ' ได้อย่างไร?

เลือกบัตรที่ 'ใช่' สำหรับคุณ
บัตรเครดิตแต่ละใบนั้นแม้ว่ามองดูเผินๆจะเหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียวนัก เพราะแต่ละบัตร ก็ถูกออกแบบมา เพื่อการใช้งานแต่ละประเภท

ลองมาดูกันว่า 'แบบไหน' ที่เหมาะกับคุณ

บัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยต่ำ บัตรนี้จะดีมากสำหรับผู้ที่คิดว่าตนเอง 'ไม่สามารถ' จ่ายเงินได้เต็มจำนวนในทุกๆ รอบบัญชี จึงควรเลือกทำบัตรเครดิตกับสถาบันการเงิน ที่คิดค่าธรรมเนียม และดอกเบี้ยต่ำไว้ก่อน

เพราะถึงแม้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีบ้าง ก็ยังดีกว่าการต้องไปเสียดอกเบี้ยในอัตราสูงๆ เพราะอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อเรา มากกว่าค่าธรรมเนียมรายปี

แต่โดยทั่วไปแล้ว บัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำนี้ จะมีสิทธิประโยชน์และข้อเสนอพิเศษที่จำกัดกว่า เมื่อเทียบกับบัตรเครดิตแบบสะสมแต้ม (เช่น frequent flyer)

สำหรับคนที่มั่นใจ ว่าจะจ่ายหนี้ได้ตามจำนวนที่ใช้จริง ในทุกรอบบัญชี คุณก็ควรเลือกทำบัตร ที่ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายปี หรือมีค่าธรรมเนียมรายปีน้อย ส่วนอัตราดอกเบี้ยนั้นไม่ต้องไปสนใจ เพราะตราบใดที่คุณจ่ายเงินตรงเวลา แบงก์ก็ไม่ได้แอ้มดอกเบี้ยคุณอยู่แล้ว

บัตรสะสมไมล์ บัตรชนิดนี้จะเหมาะกับ ผู้ที่ไม่มีหนี้บัตรเครดิต และสามารถชำระหนี้ ได้เต็มจำนวนทุกเดือนเช่นกัน บัตรชนิดนี้มักจะมีอัตราดอกเบี้ย สูงกว่าบัตรเครดิตทั่วไป แต่จะมี “ไมล์สะสม” ให้สำหรับเงินทุกบาทที่ใช้ผ่านบัตร ซึ่งไมล์ก็จะแตกต่างกันไปตามโปรแกรมต่างๆ

และโปรแกรมสะสมไมล์นี้ก็ไม่เหมือนกัน จะแตกต่างกันไปในรายละเอียด ว่าได้แต้มมาได้อย่างไร ข้อจำกัดต่างๆ เป็นอย่างไร รวมถึงวันหมดอายุ

ผู้ที่เดินทางบ่อยๆโดยการ โดยสารกับสายการบินที่ร่วมรายการ จะได้ประโยชน์หลายประการจากบัตรชนิดนี้

บัตรสะสมแต้ม ผู้ที่ชื่นชอบกับการได้รับของ หรือเงินสดคืนหลังการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต และไม่คิดจะมีหนี้บัตรเครดิต บัตรชนิดนี้จะเหมาะกับคุณมากที่สุด แม้ว่าโดยปกติบัตรเครดิตแบบสะสมเงินรางวัล จะมีเงินคืนที่แตกต่างกัน แต่โดยปกติก็จะอยู่ที่ราวๆ .025 - 2% โดยขึ้นอยู่กับมูลค่าการซื้อทั้งหมด

ส่วนการยกยอดเงินคืนให้จะเป็นรูปแบบใดบ้างนั้น คุณก็ต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อน

บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ เหมาะกับผู้ที่ประกอบธุรกิจ และใช้บัตรเครดิตในการทำธุรกิจต่างๆ และต้องการแยกค่าใช้จ่ายนี้ ออกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัว บัตรนี้มักจะมีส่วนลดให้ในร้านค้า หรือบริษัทพันธมิตร ที่จะเป็นคู่ค้าทางธุรกิจของคุณได้

ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร นักธุรกิจน่าจะแสวงหาบัตรประเภทนี้ไว้ใช้

ชาร์จการ์ด บัตรนี้จะเหมาะกับผู้ที่ไม่อยากเป็นหนี้บัตรเครดิต เพราะบัตรชนิดนี้ต้องจ่ายเงิน 'เต็มจำนวน' ทุกเดือน แม้ว่าชาร์จการ์ดมักจะมีค่าธรรมเนียมรายปีสูงกว่า แต่ก็มักจะมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากกว่าเช่นกัน และยังไม่นับรวมถึงการใช้จ่ายผ่านบัตร ในรายการสะสมคะแนน ที่มักจะดึงดูดใจด้วยข้อเสนอที่ดีกว่า

การหาบัตรที่ถูกใจนั้นก็เหมือนกับการ “ชอปปิง” หาของที่ถูกใจ คุณต้องหาบัตรเครดิต ที่ให้ผลประโยชน์คุณได้ดีที่สุด หรือให้ข้อเสนอ ส่วนลดพิเศษในสินค้า หรือบริการต่างๆ ที่คุณจะได้ใช้จริงๆ

นี่คือวิธีการหาบัตรเครดิตที่ 'ใช่เลย'

ที่มา www.creditd.com
วิธีเลือกบัตรเครดิต ตอนที่ 2
ปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณา
1. อ่านเงื่อไขเรื่องระยะปลอดดอกเบี้ยให้ดีๆ ว่ากี่วัน เช่น Citibank 55 วัน Kbank 45 วัน เป็นต้น

2. Call Center มี 24 ชั่วโมง หรือไม่ เพราะบางที่ ไม่ 24 ชั่วโมง ต้องทำรายการผ่าน IVRในการอายัดบัตร

3. สถานที่รับชำระเงิน เช่น Bank ที่เราเป็สมาชิกบัตร อยู่ใกล้ที่ทำงาน หรือบ้าน ไหม ถ้าใกล้ก็ดี ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่ถ้าไม่ใกล้ล่ะ Counter Services ได้ไหม หรือไม่ก็ Bank อื่นๆ ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ อย่างของ Citibank ค่าธรรมเนียมของ BBl 35 บาท ถ้าเป็นต่างจังหวัด รู้สึกว่า 50 บาท หรือไม่ก็จ่ายผ่าน E-Banking หรือ E-Atm ได้หรือไม่

4. มีค่าธรรมเนียมรายปีหรือไม่ ถ้ามีค่าธรรมก็พิจารณาว่าบัตรนั้นมีประโยชน์ต่อคุณมากน้อยแค่ไหน สมควรที่จะจ่ายหรือไม่ก็สามารถโทรขอยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีได้หรือไม่ แต่อย่าลืมว่าคนรุ่นใหม่ ใช้บัตรเครดิตต้องไม่เสียค่ายธรรมเนียมรายปีนะครับ

5.สิทธิประโยชน์ของบัตรนั้น คุณได้ใช้จริงๆ อย่างเช่น ใกล้ๆบ้านคุณ หรือที่ทำงาน นั้น มีปั๊มน้ำมัน Caltex อยู่ แล้วคุณเติมน้ำมันปั๊มน้ำมันนี้บ่อยๆ แล้วเขาร่วมมือกับผู้ให้บริการบัตรเครดิตของคุณ โดยสังเกตจากป้ายต่างๆว่า ใช้บัตรโลตัสทอง ลด 2% บัตรโลตัสเงินหรือบัตรกรุงศรีเงิน หรือทอง ลด 1% เป็นต้น หรือไม่ถ้าช้อปปิ้งที่โลตัสบ่อยๆ ก็อาจจะใช้บัตรโลตัสก็ได้ เพราะคุณจะได้ Coupon Cashbank เป็นต้น หรืออาจจะเป็นบัตร Co-Brand ก็ได้ ที่คุณคิดว่าเหมาะกับ Lifestyle ของคุณ

5. อัตราดอกเบี้ย ของแต่ละ Bank ไม่เท่ากัน ผู้ใช้โปรดศึกษา

6. บริการของบัตร ที่ให้ความช่วยเหลือกับสมาชิก เช่นบริการลากรถ หรือทั่วๆไป เช่นจองโรงแรม จองรถเช่า บริการรถ Limo เป็นต้น ดูด้วยครับ เพราะเวลาฉุกเฉิน คุณต้องใช้

7.ถ้าคุณเดินทางต่างประเทศบ่อยๆ ในที่นี้ผมจะไม่พูดถึง Lounge นะครับ แต่จะกล่าวถึง เวลาบัตรหาย คุณสามารถได้บัตรภายใน 24 ชั่วโมงหรือไม่ เท่าที่ผมทราบก็จะมีอยู่ 2 รายคือ Amex กับ Citibank อย่าคิดว่าไม่สำคัญนะครับเพราะเวลาระเป๋าตังค์หรือPassport หายขึ้นมา คุณจะได้บัตรเครดิตช่วยชีวิตคุณไว้ เพราะหลายคนพูดแต่ เรื่อง Lounge ไม่ค่อยพูดถึงตรงนี้ซึกเท่าไหร่

8.แนะนำให้ใช้บัตรเครดิต แบบ Photo Card ครับ เพราะว่าตุณจะมีเสน่ห์ไปในตัว เขาจะมองก่อน แต่เป็นเฉพาะบางสถานที่นะครับ.

9. การสะสมแต้ม ครับ ถ้าคุณใช้บ่อยๆ ก็ดูเรื่องการสะสมแต้มประกอบครับ บางธนาคาร 1คะแนน 25 บาท หรือ 20 บาท ครับ รวมถึงการสะสมไมล์ด้วย ว่าสายการบินใดเข้าร่วมบ้าง รวมถึงอายุของคะแนนด้วยครับ

10.สามารถหักค่าสาธารณูปโภคผ่านบัตรเครดิตได้หรือไม่ เหมาะสำหรับผู้ไม่มีเวลาครับ อันนี้เป็นแค่ Tip เล็กๆน้อยๆครับ เลือกบัตรให้ตรงกับ Lifestyle ให้มากที่สุด แล้วคุณจะได้รับประโยชน์คุ้มค่าจากบัตรนั้นครับ
แต่ผมขอเตือนอย่างนึงนะครับ ไม่จำเป็นอย่าใช้บัตรเครดิตดีที่สุด และอย่าใช้เงินเกินตัว ครับ ผมเห็นหลายคนๆจากที่รู้จัก ชีวิตผิดพลาดจากการใช้บัตรมามากพอแล้ว จงมีวินัยในการใช้บัตร บัตรเครดิตเป็นโรงเรียนการเงินแห่งแรก ที่สอนให้คุณรู้จักการใช้เงิน และการควบคุมเงิน ครับ

11. คุณสามารถเช็คยอดใช้จ่ายของบัตร หรือการเช็คคะแนนสะสม หรือแลกคะแนนสะสม online ได้หรือไม่ เพราะคุณสามารถเรียกดูได้ตลอด 24 ชั่วโมง มันจะช่วยคุณได้เยอะเลยครับ โดยเฉพาะการเช็คยอดค่าใช้จ่าย

ไม่มีความคิดเห็น: